٢٤ ديسمبر ٢٠١٩
เหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะจบปี 2019 แล้ว ปีนี้ หลายๆ คนก็ได้กำไรกันเยอะช่วงกลางปี ( รวมทั้งผมเองด้วย ) แต่พอช่วงขาลง ใครที่นั่งเฉยๆ ไม่เป็น แล้วไปยัง overtrade เหมือนเดิม ... ก็จะโดนทวงกำไรกลับไปมากหน่อย บางคนซวย ก็โดนทวงกลับไปจนแทบล้างพอร์ต ตลาดมันโหดร้าย และสิ่งที่ยากที่สุดก็คือการอดทน และทำตามวินัย ตามแผนที่ได้วางไว้นี่แหละ อ่ะ บ่นไปเรื่อย มาลองดูกันดีกว่าว่าปีหน้าจะเป็นไง โดยผมได้คิดมุมมองนี้ ตอนกำลังอาบน้ำอยู่ ก็มาดูกันว่า สมเหตุสมผลหรือไม่นะครับ 1) ณ ตอนนี้ พวกกระทิง ที่เข้าตั้งแต่ก้นแถวๆ 3300-4200 ยังมีกำไรกันเยอะมาก * ก็ลองดูในรูป ก็จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ สายกระทิงที่เข้าที่ก้นได้เนี่ย ยังชิวมากๆ เพราะ ตอนนี้พวกเขายังมีกำไรกันอยู่ถึง 72-117% * ในจุดนี้ผมเลยมองว่า ... มันต้องมีสักจุดนึง ในอนาคต ที่ราคา "ลง" มาจนถึงจุดๆ นี้ และพวกกระทิง จะตกใจ เอาของราคาถูกที่อมไว้มาถล่มตลาด * ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าหลุด 5500 มาคาแถวๆ 5000 แล้วไม่เด้งกลับเลย ... ตรงนี้แหละ จะอันตรายมาก เพราะพวกกระทิงจะรีบขนของมาทิ้ง ก่อนที่ราคาจะลงไปทำ new low .. 2) พวก short ยังได้กำไรกันไม่เท่าไหร่ * สำหรับสาย short ที่รอดตายจากแท่ง 40% ตอนนี้ ก็น่าจะเหลือกันอยู่ไม่มาก * และถ้าเรามาลากกำไรดู เราก็จะเห็นว่า .. สาย short ตอนนี้ มีกำไรกันอยู่แค่ประมาณ 22 ถึง 47% เอง * ดังนั้น ยังไง ผมว่า พวกที่ short มาหนักๆ ก็คงยังไม่อยากที่จะ cover short กันในเร็วๆ นี้ เพราะกำไรน้อยมาก * และผมว่า การลากขึ้นจากแถวๆ 7000 ขึ้นไป ก็น่าจะเป็นอะไรที่หนักหนาสำหรับเจ้าเหลือเกิน เพราะถ้าขึ้น มันก็ต้องไปต่ออีกไกล เมื่อเอาสองอย่างมารวมกัน * ก็เป็นไปได้ว่า ถ้าราคาหลุด จุด critical point ก็จะเกิด chain reaction คล้ายๆ ปี 2018 ดังนี้ - พวก long ที่ราคาต่ำๆ ขนมาขายทิ้ง - พวก short ที่เห็นว่า ลงแล้วก็เปิด short ตามน้ำ - พวก long สาย overtrade ที่มั่นใจว่าจะต้องขึ้น เพราะ halving แน่ๆ จะต้องโดนล้าง ( ข้อนี้ผมให้น้ำหนักมากสุด ) * โดยเมื่อเกิด chain reaction force sell อย่างรุนแรง จะทำให้ตลาดไม่สามารถหา order buy มารับได้ทัน เพราะคนยังไม่ทันตั้งตัว ทำให้ราคาไหลลงไปอย่างแรงมากๆ นอกจากนั้น ผมยังมองปัจจัยอื่นๆ อีก ที่อาจจะมีผลกระทบ ต่อการเคลื่อนที่ของราคา BTC ทำให้ลงต่อ.. เช่น 1) เศรษฐกิจจีน ที่ไม่ค่อยจะดี : ทำให้คนจีนไม่มีตังมาซื้อ BTC และเอาของเก่ามาทยอยขาย 2) ราคาทอง ที่เป็น bullish trend : ทำให้หลายๆ คนไปสะสมทองกันแทน 3) ตลาดหุ้นเมกา ที่เป็น bullish trend : ทำให้เงินส่วนนึง ถูกดึงกลับไปเมหา 4) ราคาไม่มูน ก่อน halving 3 เดือน เหมือนที่หลายๆ คนคิด : ทำให้เกิด sell on fact 5) trend ใหญ่ของ BTC ยังเป็นขาลง : ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะไปลงทุนอย่างอื่น 6) เรายังไม่เกิด selling climax : เพราะจุดนี้ จะทำให้ตลาดกลัวกันสุดๆ และนั่นคือ bottom ที่แท้ทรู 7) ตลาดยังไม่กลัวจนถึงขีดสุด : จากการส่องในห้อง Bitcoin Thai Club เรายังไม่เห็นการกลัวขั้นร้ายแรง และหลายๆ คนยังกล้าอยู่ ทำให้ผมมองว่า ยังไม่น่าจะลงได้สุดที ส่วนปัจจัยที่จะทำให้ขึ้น... นึกแทบไม่ออก 1) ดอลล่าห์อ่อนค่า : ตรงนี้ก็จะทำให้ทอง + ตลาดหุ้นกลายเป็น bullish ยิ่งกว่าเดิม ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อ BTC อยู่ดี 2) สงครามการค้า : เหมือนตอนนี้จะดีกันแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เห็นได้ชัดว่าถ้ามีสงครามจริง ทองก็ขึ้นอยู่ดี 3) วิกฤตเศรษฐกิจ : ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ และจะเกิดจริงหรือไม่ และถ้าเกิดจริง จะทำให้อะไรขึ้น.. ก็ถ้าเกิด แล้วมันทำให้ดอลล่าห์ อ่อนค่าลงในทันที เราก็น่าจะได้เห็น BTC ขึ้นไปได้บ้าง ( แต่ก็ดอลอ่อนน่ะสิ มันเลยขึ้น มูลค่าจริงๆ มันก็เท่าๆ เดิม ) 4) Halving : ก็อย่างที่บอกในข้อที่แล้ว ถ้าเจ้าไม่ลาก และราคา sideway อีก 3-4 เดือน จนถึงเมษา ( halving มาตอน พฤษภา ) โอกาสที่จะโดนทุบจนลงยาว ก็จะมีมากขึ้น สรุป * ก็ไม่มีใครรู้ว่าราคาจะไปทางไหน แต่ส่วนตัว ผมให้น้ำหนักไปในทางลงต่อ มากกว่าขึ้นนะครับ * แต่ผมก็พร้อมที่จะเข้าซื้อนะ ถ้าเกิดว่า มีสัญญาณให้เข้าซื้อเกิดขึ้นมาเช่นกัน เพราะเรายึด price action เป็นหลัก ไม่ใช่ ego ของเรา ว่าถ้าเรามองแบบนี้ แล้วเราจะเปลี่ยนไม่ได้ * ตอนนี้ มันยังไม่มีสัญญาณซื้อ ผมก็นั่งรอๆ ไปก่อน เน้นกลยุทธ ดีดขึ้นมาก็ short พอได้กำไรก็ทยอย เก็บกำไร ตีหัวเข้าบ้านไปเรื่อยๆ * น่าจะปลอดภัยกว่าครับ...