٢٩ يوليو ٢٠٢٠
ข้อผิดพลาดของมือใหม่.. "ก็ว่าจะซื้อแล้วกะถือไปยาวๆ" =================== * วันนี้ได้คุยกับสหายคริปโต ที่คุยกันมานาน ( การมีคนคุยเรื่องเดียวกัน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ไว้ ก็เป็นสิ่งที่ดีครับ ) โดยเขาเล่าว่า ช่วงนี้ เริ่มมีมือใหม่ เข้ามาซื้อ Bitcoin กันบ้างแล้ว โดยเขามาปรึกษาว่า .. ถ้าซื้อ Bitcoin เสร็จแล้ว จะเก็บยังไง เพราะ "กะถือไปยาวๆ" * ส่วนตัวผมเอง ผมก็ได้สัมผัสมือใหม่ มาก็หลายคน ซึ่งส่วนใหญ่ มือใหม่ ที่เข้ามาซื้อหลังตลาดพุ่งไปแล้ว มักจะมาแนวนี้เสมอคือ "ก็ซื้อแล้วถือไปยาวๆ เพราะเขาบอกว่าเดี๋ยวมันจะไปเท่านั้นเท่านี้" .. * แต่ปัญหาของมือใหม่ แทบจะร้อยทั้งร้อย ก็คือ "มองแต่กำไร" และไม่เคยมองว่า "แล้วถ้ามันไม่ไปอย่างที่เราคิดล่ะ? เราจะทำอย่างไร?" * มือใหม่ ร้อยทั้งร้อย อีกน่ะแหละ ก็จะตอบว่า "ก็ถือไปเรื่อยๆ สิ ไม่ขาย ไม่ขาดทุน ไม่เห็นเป็นไรเลย" * อ่ะ แล้วพอถามอีกคำถามนึงว่า "แล้วถ้าถือไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่จะขายเพื่อรับรู้กำไรล่ะ? เพราะถ้าเราไม่ขาย กำไรที่เป็น unrealized profit มันก็ยังไม่ใช่กำไรของเราอยู่ดีนะ?" ... ส่วนใหญ่ ก็จะตอบกันไม่ได้ ก็ได้แต่บอกว่า "ก็ไม่รู้อ่ะ ถือๆ ไปก่อน ถือไปเรื่อยๆ ขึ้นก็ไม่ขาย" * เอ้า! อีนี่!! ขึ้นก็ไม่ขาย ลงก็ไม่ขาย แล้วจะมาซื้อทำแป๊ะอะไรฟระ? ... "ไม่รู้สิ เขาบอกว่ามันดี ก็เลยมาซื้อๆ ไว้ก่อน" =================== * Mindset นี้ เป็น mindset ที่ประหลาดมากๆ ที่ถ้าไปถามมือใหม่ ก็จะเจอคำตอบแบบนี้เสมอ * นั่นก็คือ ซื้อตามคนบอก โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้มีแผนในการทำกำไร หรือตัดขาดทุนอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย .. * แล้วสุดท้าย ... คนเหล่านี้ ก็จะเป็นเหมือนชาวดอยทอง ที่ดอยไปเกือบ 9 ปี .. เงินหายไปกว่า -40% ..เสียโอกาสไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ * สุดท้าย พอราคาเด้งกลับมาเท่าที่จุดที่เคยซื้อ เมื่อเก้าปีก่อน ก็รีบแห่กันไปขาย ทนขาดทุน แต่ไม่ยอมทนรวย.. =================== * จริงๆ แล้ว คำถามที่มือใหม่ จะต้องตอบให้ได้ ก่อนลงทุนอะไรก็ตามแต่ ไม่ว่าจะเป็น ทอง หุ้น หรือ Bitcoin ก็เถอะ เอาง่ายๆ ก็มีแค่ไม่กี่ข้อเองครับ ดังนี้ 1) เงินที่เอามาลงทุนนี่ เป็นส่วนไหนของเงินสดที่เรามี และเราจำเป็นต้องใช้มันในเร็วๆ นี้หรือป่าว? และถ้ามันหายไปหมด เราจะเดือดร้อนหรือไม่? ( Money Management ) 2) ถ้าซื้อแล้ว ไปผิดทาง เราจะยอมเสียตังเท่าไหร่? และยอมแพ้ที่ราคาไหน? ( Stop Loss ) 3) ถ้าซื้อแล้ว ไปถูกทาง เราจะขายเพื่อรับรู้กำไรตรงจุดไหนบ้าง? จุดละกี่% ของที่ซื้อไว้? หรือจะขายออกถ้าต้องการใช้เงิน? ( Take Profit / Cash out ) 4) กลยุทธการซื้อ เราจะซื้อแบบไหน? ซื้อสะสมทีละนิด? หรือซื้อไปเลยก้อนเดียวจบ? ( Buy Strategy ) 5) ถ้าซื้อแล้ว ราคาไม่ไปไหน เราจะทยอยขายออกเพื่อลดความเสี่ยงหรือไม่? และจะขายออกหลังจากราคานิ่งไปกี่เดือน? ( Time Stop ) 6) เรามีเป้าการลงทุนในสินทรัพย์นี้ กี่ปี? ( Time Horizon ) ซึ่งทั้งหมด ก็จะเรียกว่า "แผนการลงทุน" นั่นเอง ==================== * การลงทุน ที่ไม่มีแผน ก็ไม่ต่างอะไรกับการหอบเงินเดินเข้าคาสิโน แล้วฝันว่าจะได้เงินก้อนโตกลับออกมา .. คิดง่ายๆ ตอนทำธุรกิจ ตัวนึง คุณยังต้องวางแผนโน่นนี่นั่นแทบตาย กว่าจะรันธุรกิจได้ มีไรให้ต้องคิดเยอะมาก * แล้วทำไม พอคุณจะลงทุนในหุ้น ทอง หรือ Bitcoin คุณดันกลับมักง่ายขึ้นมา? * ผมเชื่อว่า คนที่ ทำงาน จนมีตังได้ ก็ย่อมที่จะต้องผ่านการวางแผนอะไรมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การวางแผนครอบครัว การวางแผนการใช้ชีวิต การวางแผนการศึกษาของลูกๆ ฯลฯ * ก็อย่าให้ การลงทุน เป็นเรื่องมักง่าย คิดแค่ว่า "ก็ซื้อๆ แล้วก็ถือๆ ไว้ เพราะคนนั้นเขาบอกมา" เลยครับ... ไปนั่งคิดเพิ่มอีกนิด สัก 1 วัน การลงทุนของท่าน ก็จะไม่ใช่การหอบเงินมาเข้าคาสิโน.. อีกต่อไปครับ