ReutersReuters

USA:นักลงทุนหุ้นสหรัฐจับตายอดขายวัน Black Friday ศุกร์นี้

นิวยอร์ค--26 พ.ย.--รอยเตอร์

  • นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐกำลังจับตาวัน Black Friday หรือวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 29 พ.ย.ในปีนี้ และถือเป็นวันเริ่มต้นของฤดูการช้อปปิ้งช่วงปลายปีในสหรัฐ โดยนักลงทุนจะจับตาดูยอดค้าปลีกในวันดังกล่าว เพื่อใช้ในการประเมินว่าภาวะเงินเฟ้อส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใดต่อพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสหรัฐ ในขณะที่ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคครองสัดส่วนสูงกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐ

  • นักลงทุนรอดูผลการประเมินครั้งที่สองสำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสสามของสหรัฐ ซึ่งจะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธนี้ และรอดูดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนต.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ด้วย โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ และนักลงทุนก็คาดว่าดัชนี PCE อาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยรายงานตัวเลขดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในวันที่ 17-18 ธ.ค.

  • ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 1.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว และเข้าใกล้สถิติสูงสุด ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับช่วงท้ายของฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสสาม หลังจากบริษัทสหรัฐรายงานว่าผลกำไรปรับขึ้นราว 9% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ 2 แห่งของสหรัฐสะท้อนแนวโน้มที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยบริษัทสองแห่งนี้ได้แก่บริษัทวอลมาร์ทที่เพิ่งปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายประจำปีเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในวันที่ 19 พ.ย. และบริษัททาร์เก็ตซึ่งมีราคาหุ้นดิ่งลง 17.83% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากทาร์เก็ตคาดการณ์ตัวเลขผลกำไรและยอดขายช่วงไตรมาสปลายปีที่ต่ำเกินคาดในวันที่ 20 พ.ย. ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวแตกต่างกันไปในปีนี้ โดยหุ้นวอลมาร์ทซึ่งถือเป็นบริษัทค้าปลีกสหรัฐที่มีมูลค่ามากที่สุด พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 70% จากช่วงต้นปีนี้, หุ้นคอสต์โค โฮลเซลทะยานขึ้น 46% และหุ้นอะเมซอนทะยานขึ้น 30% อย่างไรก็ดี หุ้นดอลลาร์ เจเนอรัลดิ่งลงกว่า 40% จากช่วงต้นปีนี้, หุ้นดอลลาร์ ทรีรูดลง 50% จากช่วงต้นปีนี้ และหุ้นทาร์เก็ตดิ่งลง 12% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่นักลงทุนระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อส่งผลกระทบมากเป็นพิเศษต่อกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าหลักของดอลลาร์ เจเนอรัล และดอลลาร์ ทรี

  • แอบบี โรช นักวิเคราะห์พอร์ตลงทุนของบริษัทออลสปริง โกลบัล อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลงมาแล้วหลังจากแตะจุดสูงสุดรอบ 40 ปีเมื่อสองปีก่อน ราคาที่สูงขึ้นก็ยังคงสร้างความยากลำบากให้แก่ผู้บริโภคสหรัฐ และเธอกล่าวเสริมว่า "ผู้บริโภคยังคงรู้สึกว่า เงินที่ตนมีไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการได้มากเท่าในอดีต" ทั้งนี้ บริษัทมอร์แกน สแตนเลย์ได้สำรวจความเห็นผู้บริโภคสหรัฐราว 2,000 ราย และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในเดือนนี้ โดยผลสำรวจระบุว่า ชาวสหรัฐคาดการณ์แนวโน้มการช้อปปิ้งในช่วงปลายปีนี้ในทางบวกมากกว่าในช่วง 2 ปีก่อน โดยชาวสหรัฐราว 35% คาดว่าจะใช้จ่ายเงินในฤดูช้อปปิ้งปลายปีนี้มากกว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนเลย์ยังระบุอีกด้วยว่า "บริษัทสหรัฐน่าจะได้รับแรงหนุนมากยิ่งขึ้นในช่วงฤดูวันหยุดปลายปีนี้ แต่ยอดจับจ่ายไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นในสินค้าทุกประเภท เพราะว่าผู้บริโภคยังคงเลือกซื้อ"

  • หุ้นบริษัทค้าปลีกส่วนใหญ่ถูกจัดไว้ในหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นของสหรัฐ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 23% จากช่วงต้นปีนี้ และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าจำเป็นของสหรัฐทะยานขึ้นมาแล้ว 16% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 25% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกหลายแห่งที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทเบสท์ บาย, เมซีส์, นอร์ดสตรอม และเออร์แบน เอาท์ฟิทเทอร์ส--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

قم بتسجيل الدخول أو إنشاء حساب مجاني إلى الأبد لقراءة هذه الأخبار

المزيد من الأخبار من Reuters

المزيد من الأخبار