EUROPE:โพลล์คาดดัชนีตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นอีก 5.35% ก่อนสิ้นปีหน้า
ลอนดอน--27 พ.ย.--รอยเตอร์
รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ 14 รายในวันที่ 15-26 พ.ย. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาเมื่อวานนี้ โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปจะพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2025 แต่อาจจะปรับขึ้นไม่มากนักในปีหน้า ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในยูโรโซน และจากความไม่แน่นอนในแผนการด้านภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า ดัชนี STOXX 600 ที่ครอบคลุมหุ้นทั่วภาคพื้นทวีปยุโรปมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นสู่ 536 ในช่วงสิ้นปี 2025 หากวัดจากค่ากลางของโพลล์ หรือเท่ากับว่าดัชนีอาจจะทะยานขึ้นอีก 5.35% จากระดับปิดวันจันทร์ที่ 508.78 โดยดัชนีจะสามารถทำลายสถิติสูงสุดที่ 528.68 ที่เพิ่งทำไว้ในเดือนก.ย.ได้ด้วย ส่วนตัวเลขคาดการณ์ทั้งหมดในโพลล์อยู่ในระดับ 470-590 สำหรับช่วงสิ้นปี 2025
นายไมเคิล ฟิลด์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดยุโรปของบริษัทมอร์นิงสตาร์คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปอาจจะพุ่งขึ้นอีกกว่า 3% นับตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปีหน้า และเขากล่าวเสริมว่า "การพุ่งขึ้นดังกล่าวจะไม่ดำเนินไปอย่างราบรื่น เพราะว่าความผันผวนของตลาดหุ้นยุโรปที่เราได้เห็นมาแล้วนับตั้งแต่การเลือกตั้งในสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลักษณะสำคัญของความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นยุโรปตลอดทั้งปี 2025" ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 6% จากช่วงต้นปีนี้ แต่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 25% จากช่วงต้นปีนี้จนแตะสถิติสูงสุดใหม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นอย่างอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นสหรัฐเพราะปัจจัยหลายประการ โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึงเศรษฐกิจยุโรปที่เติบโตอย่างเฉื่อยชา, ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะดำเนินมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับแรงหนุนจากนโยบายต่าง ๆ ของนายทรัมป์ด้วย ซึ่งรวมถึงนโยบายปรับลดภาษีเงินได้และนโยบายปรับลดกฎระเบียบ
อย่างไรก็ดี นายเควิน โธเซท จากบริษัทคาร์มินยัคระบุว่า การที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นอย่างอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ อาจจะถือเป็นการเปิดโอกาสสำหรับการเข้าช้อนซื้อหุ้นยุโรป และเขาคาดว่านโยบายต่าง ๆ ของนายทรัมป์อาจจะส่งผลดีมาถึงตลาดหุ้นยุโรปได้ด้วย โดยเขากล่าวเสริมว่า นโยบายของนายทรัมป์ "อาจจะส่งผลให้ยูโรอ่อนค่าลง, ราคาน้ำมันร่วงลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนร่วงลง และปัจจัยทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลกระทบในทางบวกต่อผลกำไรของบริษัทยุโรป" ทั้งนี้ ธนาคารดอยช์ แบงก์ระบุว่า ผลกำไรภาคเอกชนในยุโรปได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่ผลกำไรไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยหลักในการหนุนตลาดหุ้น เพราะว่านักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปยังปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค
นักลงทุนจะจับตาดูธนาคารกลางทั่วโลก และจังหวะความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเหล่านี้ เพราะว่าปัจจัยดังกล่าวอาจจะช่วยพยุงเศรษฐกิจ และจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นให้พุ่งขึ้น โดยในตอนนี้เทรดเดอร์ตลาดเงินคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกราว 1.40% ก่อนสิ้นปีหน้า ซึ่งเท่ากับว่าอีซีบีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเกือบ 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ก่อนสิ้นปีหน้า นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาสสูงมากที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค. และมีโอกาสราว 35% ที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค. ทั้งนี้ การคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้รับแรงหนุน หลังจากบริษัทเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) คอมโพสิตของยูโรโซน ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนที่ 48.1 ในเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 50.0 ในเดือนต.ค. โดยนายมาร์โก ไวลาติ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและการลงทุนของบริษัทแคสซา ลอมบาร์ดากล่าวว่า "การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืด และปัจจัยนี้จะเปิดโอกาสให้อีซีบีปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของอุปสงค์ภายในประเทศ และช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย"
โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี Euro STOXX 50 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงสุด 50 แห่งของยูโรโซน มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นราว 5% สู่ 5,047 ก่อนสิ้นปีหน้า ส่วนดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนี มีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นอีกเกือบ 6% ก่อนสิ้นปี 2025 ในขณะที่เยอรมนีกำลังจะจัดการเลือกตั้งในเดือนก.พ.ปีหน้า ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า ดัชนี CAC 40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศส มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นอีกเกือบ 9% ก่อนสิ้นปีหน้า หลังจากดัชนีเพิ่งดิ่งลงมาแล้วเกือบ 9% นับตั้งแต่วันที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสประกาศจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ ซึ่งสวนทางกับดัชนี DAX ที่พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 5% ภายในกรอบเวลาเดียวกัน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;